- 080-5696667 081-8585563 ID-Line ccbbaa2020
E-mail= chucheep9@gmail.com www.tmdc2009.com
ขึ้นทะเบียนใหม่ได้แล้วครับ
ได้ใบรับรองภายใน 10วัน
ค่าใช้จ่ายคนละ 5,000 บาทเลขบัญชี 069-3822-939
ธนาคารกสิกรไทยชื่อพิสิษฐ์ภัทรยศรัตนิน
เอกสารส่งทางไลน
1 บัตรประชาชนนายจ้าง
2 สำเนาทะเบียนบ้านนายจ้าง
3 เบอร์โทรศัพท์นายจ้าง
4 อาชีพนายจ้าง
5 รูปถ่ายลูกจ้าง
6บัตรประชาชนลูกจ้างหรือรายละเอียดของลูกจ้าง
ชื่ออายุสัญชาติผู้ชายหรือผู้หญิง
อยู่ได้ถึง 15 มกราคม 2567
เก็บอีก 10,000 บาทสิ่งที่แรงงานจะได้
ใบอนุญาตทำงาน2 ปี
ประกันสุขภาพ 2 ปี
บัตรชมพู 10 ปี
วันที่ 3 ตุลาคม 2566 ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ใน 3 ประเด็น 1.ให้แรงงานข้ามชาติตามมติครม.เมื่อวันที่ 5 ก.ค.66 ที่นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อแล้ว ดำเนินการตามแนวทางที่มติครม.กำหนด เพื่ออยู่ต่อและทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 2.ขยายเวลาให้แรงงาน MOU ที่วาระจ้างงานครบ 4 ปี ทำงานได้ถึง 30 เม.ย. 67 และ 3.ลดค่าวีซ่า จาก 2,000 บาท เหลือ 500 บาท
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในวันนี้กระทรวงแรงงานได้เสนอ เรื่อง การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และส่งเสริมสิทธิประโยชน์ของแรงงาน และเรื่องการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา และค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป สำหรับคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาเพื่อทำงานในราชอาณาจักร ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงาน หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมุ่งหวังให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 คลี่คลายเป็นไปอย่างราบรื่น นายจ้าง สถานประกอบการมีแรงงานต่างชาติเพียงพอกับความต้องการในการขับเคลื่อนกิจการ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายจากค่าธรรมเนียมต่าง ๆ และช่วยให้นายจ้างสามารถจ้างแรงงานคนเดิมที่มีประสบการณ์ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งคำนึงถึงผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของแรงงานข้ามชาติให้อยู่ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์อย่างเหมาะสม โดยสาระสำคัญที่ครม.เห็นชอบ มี 3 ประเด็น ดังนี้
1. ผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติ ตามมติครม.เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ที่นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการฯ ต่อกรมการจัดหางานแล้ว ภายใน 31 ก.ค. 66 ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 1,000,000 คน โดยต้องดำเนินการตามแนวทางที่มติครม.กำหนด เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568
2.ผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ที่เข้ามาทำงาน ตาม MOU ซึ่งวาระการจ้างงานครบ 4 ปี (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 - 31 ธันวาคม 2566) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราว ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 โดยระหว่างผ่อนผันให้นายจ้างขออนุญาตนำแรงงานข้ามชาติที่ได้รับการผ่อนผัน เข้ามาทำงานตาม MOU และให้แรงงานเดินทางกลับประเทศต้นทางและเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยในโอกาสแรกโดยไม่ต้องมีระยะเวลาพัก 30 วัน
3. ลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ครั้งละ 2,000 บาท เหลือ 500 บาท และค่าธรรมเนียมคำขออนุญาต
เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป จากครั้งละ 1,900 บาท เหลือครั้งละ 500 บาท ทั้งสำหรับแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานตาม MOU และแรงงานข้ามชาติที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ครม.ให้ความเห็นชอบในหลักการร่างประกาศของกระทรวงแรงงาน จำนวน 2 ฉบับ รวมถึงอนุมัติในหลักการร่างประกาศของกระทรวงมหาดไทย จำนวน 2 ฉบับ และร่างกฎกระทรวงมหาดไทย จำนวน 1 ฉบับ รวม 5 ฉบับ ทั้งนี้นายจ้างที่มีแรงงานข้ามชาติตามมติครม. เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 66 และแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงาน ตาม MOU ซึ่งวาระการจ้างงานครบ 4 ปี ที่ได้รับการผ่อนผัน สามารถดำเนินการได้ทันทีที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกระทรวงแรงงานมีผลบังคับใช้ ส่วนเรื่องการปรับลดค่าธรรมเนียมวีซ่า จะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ต่อไป
ขั้นตอนการต่อใบอนุญาตทำงาน และ วีซ่า 13 กุมภาพันธ์ 2567 ถึง 2568 ของ แรงงานต่างด้าว
1. ยื่นขออนุญาตทำงาน ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567
2. พาแรงงานไปตรวจสุขภาพ
3. ยื่นขอวีซ่าทำงาน ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567
ค่าบริการรวมค่าธรรมเนียมต่อใบอนุญาตทำงาน และ วีซ่า 13 กุมภาพันธ์ 2567 ถึง 2568 ของ แรงงานต่างด้าว
1. ยื่นขออนุญาตทำงาน 1 ปี 2,000 บาท อนุญาตทำงานได้ ถึง 13 ก.พ. 2568
2. ยื่นขอวีซ่า 2,000 บาท อนุญาตให้อยู่ในประเทศได้ถึง 13 กุมภาพันธ์ 2568
3.ตรวจสุขภาพ
3.1มีประกันสังคมแล้ว 1,000 บาท
3.2เพิ่มประกันสุขภาพ 3 เดือน 2,000 บาท
3.3เพิ่มประกันสุขภาพ 1 ปี (สำหรับงานรับใช้ในบ้าน) 3,000 บาท
กสารที่ต้องใช้ต่อใบอนุญาตทำงาน และ วีซ่า 13 กุมภาพันธ์ 2567 ถึง 2568 ของ แรงงานต่างด้าว
นายจ้างบุคคลธรรมดา (3 ชุด)
1.สำเนาบัตรประชาชน
2.สำเนาทะเบียนบ้าน
3.แผนที่บ้าน
นายจ้างนิติบุคคล (3 ชุด)
1.สำเนาหนังสือรับรองบริษัททั้งชุด อายุไม่เกิน 3 เดือน
2.สำเนาบัตรประชาชน (ผู้มีอำนาจลงนาม)
3.สำเนาทะเบียนบ้าน (ผู้มีอำนาจลงนาม)
กรณีรับเหมาก่อสร้าง
-สำเนาสัญญารับเหมาก่อสร้าง
-สำเนาทะเบียนบ้าน หรือ โฉนดที่ดิน สถานที่ก่อสร้างในสัญญา
-สำเนาบัตรประชาชนคู่สัญญา (ผู้ว่าจ้าง)
-สำเนาทะเบียนบ้านคู่สัญญา (ผู้ว่าจ้าง)
-แผนที่สถานที่ก่อสร้าง
**กรณีเป็นงานขายของหน้าร้าน สัญญาเช่าแผง,ทะเบียนการค้า
เอกสารแรงงานต่างด้าว
1.รูปถ่ายแรงงาน
2.หนังสือเดินทาง ตัวจริง (มีอายุมากกว่า 13 FEB 2024)
3.ใบอนุญาตทำงาน ตัวจริงและ (บัตรชมพู)
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 เห็นชอบให้ปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ในอัตรา 500 บาทต่อครั้ง (ไม่เกิน 2 ปี) จากอัตราเดิมครั้งละ 2,000 บาท และค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักร ในอัตรา 500 บาทต่อครั้ง (ไม่เกิน 2 ปี) จากอัตราเดิมครั้งละ 1,900 บาท สำหรับแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงาน หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ล่าสุดได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 แล้ว โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 15 วัน นับแต่วันที่ประกาศ ซึ่งตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 และให้กฎกระทรวงใช้บังคับได้ เป็นระยะเวลา 4 ปี โดยมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการและนายจ้างที่จำเป็นต้องพึ่งพาแรงงาน 4 สัญชาติที่เข้ามาทำงานตาม MOU หรือกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่เข้าสู่ระบบการทำงานตามมติครม.ในคราวต่างๆ มีแรงงานเพียงพอกับสภาพเศรษฐกิจ สามารถขับเคลื่อนธุรกิจทั้งภาคการผลิตสินค้า ภาคการบริการ และภาคการส่งออก รวมทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่งเสริมให้แรงงานข้ามชาติเข้าสู่ระบบการทำงานถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ
